ประเพณีจังหวัดสกลนคร
ประเพณีแห่ปราสาทผึ้งเป็นงานบุญของชาวอีสาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในจังหวัดสกลนคร
ปฏิบัติกันในช่วงออกพรรษา ระหว่างวันขึ้น ๑๒-๑๓ ค่ำ เดือน ๑๑ มูลเหตุของการทำปราสาทผึ้ง
สืบเนื่องมาจากครั้งสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จจำพรรษาบนสวรรค์
ครั้นถึงวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๑ พระพุทธเจ้าจะเสด็จกลับยังโลกมนุษย์ พระอินทร์จึงนิรมิตบันได
๓ ชนิดขึ้นมา คือ
๑. บันได้แก้วมณี สำหรับพระพุทธเจ้าเสด็จลง
๒. บันไดทองคำ สำหรับเทวดาเสด็จลง
๓. บันไดเงิน สำหรับมหาพรหมเสด็จลง
ซึ่งหัวบันไดนั้นตั้งอยู่บนยอดเขาสีเนรุนาทบนสวรรค์
ส่วนเชิงบันไดตั้งอยู่ ณ เมืองสังกัสสะบนโลกมนุษย์
ก่อนที่พระองค์จะเสด็จลงนั้นพระองค์ทรงแสดงปาฏิหาริย์เปิดพรหมโลก ซึ่งอยู่เบื้องบน
และเปิดโลกมนุษย์ซึ่งอยู่เบื้องล่าง ทำให้ทั้งพรหมโลก สวรรค์ และโลกมนุษย์
สามารถมองเห็นพระองค์ได้หมด ทำให้พวกเทวดา มนุษย์ นาค สัตว์ต่างๆ เกิดความเลื่อมใสและชื่นชมในพระบารมีแห่งพระพุทธองค์
และด้วยเหตุการณ์นี้ทำให้พวกเทวดา มนุษย์ และสัตว์โลกต่างๆ ได้เห็นปราสาทอันสวยงาม
และอยากที่จะไปอยู่บ้าง ทำให้พวกที่ได้เห็นเกิดความรู้แน่ชัดว่า
การที่จะได้อยู่ในปราสาทอันสวยงามนั้นต้องกระทำความดี สร้างบุญสร้างกุศล และต้องประพฤติปฏิบัติอยู่ในหลักธรรม
และสร้างปราสาทกองบุญไว้ในโลกมนุษย์เสียก่อน
ด้วยเหตุนี้จึงมีการสร้างปราสาทและเกิดประเพณีไทยแห่ปราสาทผึ้งขึ้นมา ส่วนเหตุผลที่เรียกว่าปราสาทผึ้งนั้น เกิดขึ้นเนื่องมาจากว่า
ในสมัยพุทธกาล พระพุทธเจ้าได้เสด็จไปจำพรรษา ณ ดงไม้สาละใหญ่ ในป่ารักขิตวัน
โดยมีลิงและช้างเป็นผู้อุปัฏฐาก ช้างได้นำผลไม้และน้ำมาถวาย
ส่วนลิงได้นำรวงผึ้งมาถวาย พอพระพุทธเจ้ารับและฉันรวงผึ้ง
ทำให้ลิงดีใจมากขึ้นไปเขย่าบนกิ่งไม้ทำให้กิ่งไม้นั้นหักลงมาเสียบอกลิงตาย
ส่วนช้างนั้นอยู่ถวายการรับใช้พระพุทธเจ้ามาตลอด กระทั่งถึงวันมหาปวารณาออกพรรษา
พระพุทธเจ้าต้องเสด็จเข้าเมือง ช้างเกิดความรู้สึกเสียใจ จึงอกแตกตาย
และสัตว์ทั้งสองได้ไปเกิดอยู่บนปราสาทในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
พระพุทธเจ้าจึงนำรวงผึ้งนั้นมาประดับที่ปราสาท
เพื่อเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้กับลิงและช้างนั้น “ประเพณีแห่ปราสาทผึ้งของจังหวัดสกลนคร
จะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในช่วงออกพรรษา โดยแห่ไปรอบๆ เมือง
และนำไปถวายที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เพื่อเป็นพุทธบูชา”
ประเพณีแห่ดาวคริสต์มาส การแห่ดาว
เป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสที่มีการเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ทั่วโลก
โดยไม่จำกัดอยู่เพียงผู้นับถือศาสนาคริสต์
การแห่ดาวเป็นการเสริมบรรยากาศให้เทศกาลนี้ครึกครื้นขึ้นไป โดยมีตำนานว่าบัณฑิต 3
คน ออกเดินทางตามแสงแห่งดวงดาว และดาวมาดับแสง ณ
ที่ประสูติของพระเยซู จึงมีการริเริ่มประเพณีแห่ดาวเพื่อระลึกถึงเหตุการณ์นั้น
การแห่ดาวมีเพียงที่ชุมชนท่าแร่
จังหวัดสกลนคร แห่งเดียวเท่านั้น ซึ่งดาว
คือสัญลักษณ์ของการเสด็จมาประสูติของพระเยซูเจ้า
การแห่ดาวจึงเป็นการแสดงถึงความเป็นหนึ่งเดียวกันของชาวคาทอลิก
ร่วมทั้งผู้นับถือศาสนาอื่นๆ
และยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวในจังหวัดสกลนครอีกด้วย
ประเพณีพระธาตุเจงเวง เป็นพระธาตุประกอบด้วยปรางค์องค์เดียว
สร้างด้วยหินทรายบนฐานศิลาแลงขนาดใหญ่ สลักลวดลายลงบนเนื้อหิน มีทับหลังจำหลักภาพ
พระกฤษณะฆ่าสิงห์ ในรูปแบบศิลปะเขมร สมัยบาปวน
ลักษณะคล้ายกับปราสาทหินของขอมที่ปรากฏหลายแห่งภาคอีสาน ลวดลายสลักหินบนซุ้มประตู
หน้าต่างยังมีลักษณะสมบูรณ์ปรากฏชัด
ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นฝีมือของผู้หญิงสร้างทั้งหมด
เพื่อแข่งขันกับผู้ชายที่สร้างพระธาตุภูเพ็ก
รูปแบบและศิลปะกำหนดอายุราวพุทธศตวรรษที่ 16-17 งานประเพณีของพระธาตุเจงเวงจะเริ่มตั้งแต่วันขึ้น
11 ค่ำ-15 ค่ำ เดือน 4 ของทุกปี
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น