วันพฤหัสบดีที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ประเพณีจังหวัดหนองคาย

ประเพณีจังหวัดหนองคาย ( บั้งไฟพญานาค )
ปรากฏการณ์ที่ต้องพิสูจน์กับตา เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ประชาชนเรือนแสนจากทั่วทุกสารทิศทั้งคนไทยและต่างชาติ ต่างมุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน นั่นคือ การรอชม "บั้งไฟพญานาค" ที่ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย และอีกหลายอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง เพื่อรอชมลูกไฟสีแดงอมชมพูที่พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง มีขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง ไม่มีการตกลงมา ซึ่งแต่ก่อนตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายเมื่อร้อยกว่าปี ชาวหนองคายเรียกว่า "บั้งไฟผี"ส่วนชาวเวียงจันทน์ สปป.ลาว เรียก "ดอกไม้ไฟน้ำ" ความอัศจรรย์แห่งการเกิด "บั้งไฟพญานาค" สร้างความมหัศจรรย์ให้กับประชาชนทั้ง 2 ฝั่ง ไทย - ลาว ซึ่งมีความเชื่อและศรัทธาเหมือนกัน และยังสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นในสังคมเป็นวงกว้าง "บั้งไฟพญานาค"ลูกไฟปริศนาที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งในทุกคืนวันออกพรรษาของทุกปี จะมีคนเดินทางไปรอชมปรากฏการณ์นี่ริมฝั่งโขงอย่างคับคั่ง เมื่อยิ่งสงสัย ก็ยิ่งอยากจะไปดูและ

พิสูจน์ให้เห็นกับตา ..... ณ วันนี้ เรื่องราวของ การเกิด "บั้งไฟพญานาค" ยังคงเป็นปริศนา ที่ยังไม่มีสิ่ง



ใดชี้ชัดว่า ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 นั้นเกิดขึ้นจากสิ่งใด แม้จะมีความเชื่อที่แตกต่างของผู้คนในสังคม ไม่ว่าจะเป็น ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นเป็นบั้งไฟที่พญานาคจุดขึ้นมา เพื่อเป็นพุทธบูชาต่อพระพุทธเจ้า เนื่องในเทศกาลออกพรรษา หรือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเป็นผู้บรรจงสรรค์สร้างขึ้น! หรืออาจจะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เป็นผู้ปั้นแต่งขึ้นหลอกลวงมนุษย์ด้วยกันเอง!? ซึ่งนั่นคงไม่ใช่สิ่งสำคัญในการที่จะคุ้ยหาคำตอบ เพราะความคิด ความเชื่อ และศรัทธา ของผู้คนย่อมแตกต่างกัน แต่อีกมุมหนึ่งที่เกิดขึ้นและทุกคนทุกพื้นที่ต่างคิดเห็นและยอมรับเหมือนกัน นั่นก็คือ อานิสงส์ของพญานาคได้สร้างเม็ดเงินรายได้ให้กับชาวหนองคาย และชาวอีสานอีกหลายจังหวัดกันอย่างถ้วนทั่ว อันเกิดจาก "ปรากฏการณ์ของมหาชน"ที่แห่ไปชม"ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค" ตั้งแต่โรงแรมหรูถึงโฮมสเตย์ยันศาลาวัด เป็นที่นอนได้หมด ว่ากันว่าปีนี้น่าจะมีคนมาชมบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคายมากถึง 300,000-500,000 คน หรืออาจจะมีถึง 700,000 คน เพราะปีนี้มีเดือน 8 สองหน ทำให้วันออกพรรษาของไทย กับวันออกพรรษาของลาวไม่ตรงกัน จึงมีโอกาสเกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็นถึง 2 วัน คือวันที่ 28 และ 29 ต.ค. ซึ่งจำนวนคนน่าจะมีมาก พอๆ กับปี 2545 เพราะปีนั้นมีกระแสของภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ เดือน 11 และกระแสการนำเสนอข่าวของโทรทัศน์ช่องหนึ่งเกี่ยวกับการเกิดบั้งไฟพญานาค โหมกระหน่ำให้คนเดินทางไปดูกันอย่างเนืองแน่น กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการที่พักคือกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เรื่องเม็ดเงินแบบเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็น รีสอร์ท เกสต์เฮ้าส์ บังกะโล ถูกจองที่พักกันข้ามปี ทั้งยังมีการเปิดศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอแต่ละแห่ง จนถึง อบต.โรงเรียน ศาลาวัด ให้นักท่องเที่ยวสามารถกางเต้นท์นอนได้ กระนั้นที่พักก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยว ส่งผลให้เกิดที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีก 26 หมู่บ้าน ซึ่งล้วนแต่เป็นหมู่บ้านริมแม่น้ำโขง ที่สามารถชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคได้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น