ประเพณีจังหวัดหนองคาย ( บั้งไฟพญานาค )
ปรากฏการณ์ที่ต้องพิสูจน์กับตา
เมื่อถึงวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ประชาชนเรือนแสนจากทั่วทุกสารทิศทั้งคนไทยและต่างชาติ
ต่างมุ่งหน้าสู่จุดหมายเดียวกัน นั่นคือ การรอชม "บั้งไฟพญานาค" ที่
อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย และอีกหลายอำเภอที่มีพื้นที่ติดกับแม่น้ำโขง
เพื่อรอชมลูกไฟสีแดงอมชมพูที่พุ่งขึ้นจากแม่น้ำโขง
มีขนาดตั้งแต่หัวแม่มือถึงฟองไข่ไก่ ไม่มีกลิ่น ไม่มีควัน ไม่มีเสียง
ไม่มีการตกลงมา ซึ่งแต่ก่อนตั้งแต่สมัยปู่ย่าตายายเมื่อร้อยกว่าปี
ชาวหนองคายเรียกว่า "บั้งไฟผี"ส่วนชาวเวียงจันทน์ สปป.ลาว เรียก "ดอกไม้ไฟน้ำ" ความอัศจรรย์แห่งการเกิด "บั้งไฟพญานาค" สร้างความมหัศจรรย์ให้กับประชาชนทั้ง
2 ฝั่ง ไทย - ลาว ซึ่งมีความเชื่อและศรัทธาเหมือนกัน
และยังสร้างความสงสัยให้เกิดขึ้นในสังคมเป็นวงกว้าง "บั้งไฟพญานาค"ลูกไฟปริศนาที่ยังพิสูจน์ไม่ได้
ซึ่งในทุกคืนวันออกพรรษาของทุกปี
จะมีคนเดินทางไปรอชมปรากฏการณ์นี่ริมฝั่งโขงอย่างคับคั่ง เมื่อยิ่งสงสัย
ก็ยิ่งอยากจะไปดูและ
พิสูจน์ให้เห็นกับตา ..... ณ วันนี้ เรื่องราวของ การเกิด "บั้งไฟพญานาค" ยังคงเป็นปริศนา ที่ยังไม่มีสิ่ง
ใดชี้ชัดว่า
ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
นั้นเกิดขึ้นจากสิ่งใด แม้จะมีความเชื่อที่แตกต่างของผู้คนในสังคม
ไม่ว่าจะเป็น ชาวบ้านในท้องถิ่นเชื่อว่าเป็นเป็นบั้งไฟที่พญานาคจุดขึ้นมา
เพื่อเป็นพุทธบูชาต่อพระพุทธเจ้า เนื่องในเทศกาลออกพรรษา
หรือเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่เกิดขึ้นเองโดยธรรมชาติเป็นผู้บรรจงสรรค์สร้างขึ้น!
หรืออาจจะเกิดจากน้ำมือของมนุษย์เป็นผู้ปั้นแต่งขึ้นหลอกลวงมนุษย์ด้วยกันเอง!?
ซึ่งนั่นคงไม่ใช่สิ่งสำคัญในการที่จะคุ้ยหาคำตอบ เพราะความคิด
ความเชื่อ และศรัทธา ของผู้คนย่อมแตกต่างกัน แต่อีกมุมหนึ่งที่เกิดขึ้นและทุกคนทุกพื้นที่ต่างคิดเห็นและยอมรับเหมือนกัน
นั่นก็คือ อานิสงส์ของพญานาคได้สร้างเม็ดเงินรายได้ให้กับชาวหนองคาย
และชาวอีสานอีกหลายจังหวัดกันอย่างถ้วนทั่ว อันเกิดจาก "ปรากฏการณ์ของมหาชน"ที่แห่ไปชม"ปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค" ตั้งแต่โรงแรมหรูถึงโฮมสเตย์ยันศาลาวัด
เป็นที่นอนได้หมด ว่ากันว่าปีนี้น่าจะมีคนมาชมบั้งไฟพญานาคที่จังหวัดหนองคายมากถึง
300,000-500,000 คน หรืออาจจะมีถึง 700,000 คน เพราะปีนี้มีเดือน 8 สองหน
ทำให้วันออกพรรษาของไทย กับวันออกพรรษาของลาวไม่ตรงกัน
จึงมีโอกาสเกิดบั้งไฟพญานาคขึ้นให้เห็นถึง 2 วัน คือวันที่ 28
และ 29 ต.ค. ซึ่งจำนวนคนน่าจะมีมาก พอๆ กับปี 2545
เพราะปีนั้นมีกระแสของภาพยนตร์เรื่อง 15 ค่ำ
เดือน 11 และกระแสการนำเสนอข่าวของโทรทัศน์ช่องหนึ่งเกี่ยวกับการเกิดบั้งไฟพญานาค
โหมกระหน่ำให้คนเดินทางไปดูกันอย่างเนืองแน่น กลุ่มธุรกิจที่ให้บริการที่พักคือกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เรื่องเม็ดเงินแบบเต็มๆ
ไม่ว่าจะเป็น รีสอร์ท เกสต์เฮ้าส์ บังกะโล ถูกจองที่พักกันข้ามปี
ทั้งยังมีการเปิดศาลากลางจังหวัด และที่ว่าการอำเภอแต่ละแห่ง จนถึง อบต.โรงเรียน
ศาลาวัด ให้นักท่องเที่ยวสามารถกางเต้นท์นอนได้ กระนั้นที่พักก็ยังไม่เพียงพอกับจำนวนนักท่องเที่ยว
ส่งผลให้เกิดที่พักแบบโฮมสเตย์ไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีก 26 หมู่บ้าน
ซึ่งล้วนแต่เป็นหมู่บ้านริมแม่น้ำโขง ที่สามารถชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคได้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น