๑๔.ประเพณีจังหวัดหนองบัวลำภู
๑.งานพระราชประวัติสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
และศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจังหวัดหนองบัวลำภู สมเด็จพระนเรศวรมหาราช
เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระมหาธรรมราชาและพระสุทธิกษัตรีประสูติที่เมืองพิษณุโลก
เมื่อปีพุทธศักราช 2089
เสด็จเถลิงถวัลราชสมบัติเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม
พุทธศักราช 2133 ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ องค์ที่ 24 แห่งกรุงศรีอยุธยา ทรงกอบกู้เอกราชของชาติไทย
ประกาศอิสรภาพไม่ขึ้นกับกรุงหงสาวดี เมื่อปีพุทธศักราช 2127 หลังจากต้องเสียเอกราชเป็นเวลา
15 ปี ทรงมีพระอัจฉริยภาพอย่างยอดเยี่ยมในการทำสงคราม
และทรงเป็นจอมทัพที่กล้าหาญ เด็ดเดี่ยว ยากที่จะมีผู้ใดเสมอเหมือน
จึงทรงชนะศึกสงครามตลอดรัชกาล นับตั้งแต่ทรงศึกชนะพระมหาอุปราชาในสงครามยุทธหัตถี
เมื่อวันที่ 18 มกราคม พุทธศักราช 2135 พระบรมเดชานุภาพแผ่ไพศาลไปทั่วสุวรรณภูมิ
ไม่มีข้าศึกกล้ารุกรานประเทศไทยเป็นเวลาสืบต่อยาวนานถึง 174 ปี
ชื่อเสียงเลื่องลือเป็นที่เชื่อถือของนานาประเทศ ในยุโรป
ต่างส่งทูตมาเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับประเทศไทย เศรษฐกิจของชาติเจริญรุ่งเรือง
ราษฎรร่มเย็นเป็นสุข จึงได้รับถวายพระนามเป็น "มหาราช" ทรงดำรงสิริราชสมบัติเป็นเวลา
15 ปี เสด็จสวรรคตเมื่อวันที่ 25 เมษายน
พุทธศักราช 2148 ณ เมืองหาง
เมื่อปีพุทธศักราช 2117 ทรงตามเสด็จสมเด็จพระมหาธรรมราชา
พระราชบิดายกทัพไปตีลานช้างได้พักทัพ ณ บริเวณหนองบัว เมืองหนองบัวลำภู
แต่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงพระประชวรด้วยไข้ทรพิษ จึงได้ยกทัพกลับกรุงศรีอยุธยา
ชาวเมืองหนองบัวรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ
จึงได้สร้างพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช เมื่อเดือนพฤศจิกายน พุทธศักราช 2510 โดยกรมศิลปากร
เพื่อเป็นที่สักการะบูชาของอนุชนรุ่นหลังสืบไป ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชมหาราชและสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ
ได้เสด็จพระราชดำเนินมาทรงเปิดพระบรมราชานุสาวรีย์ฯ เมื่อวันที่
25 มกราคม พุทธศักราช 2511 ชาวหนองบัวลำภู
จึงถือเป็นประเพณีในการประกอบพิธีสักการะบวงสรวงดวงพระวิญญาณสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2511 เป็นต้นมา
ซึ่งต่อมารัฐบาลได้กำหนดให้วันที่ 18 มกราคม ของทุกปี เป็น
"วันกองทัพไทย"
จังหวัดจึงได้กำหนดเป็นวันบวงสรวงสักการะสมเด็จพระนเรศวรมหาราชจนถึงปัจจุบัน
ตลอดจนได้กำหนดให้พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้เป็นสัญลักษณ์สำคัญในรูปตราประจำจังหวัดหนองบัวลำภูเพื่อความเป็นสิริมงคล
ทั้งนี้
จังหวัดหนองบัวลำภูนับเป็นจังหวัดที่มีพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราชเพียงแห่งเดียวในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
อำเภอนากลาง ได้ร่วมมือกันจัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา
๕ ธันวามหาราช ซึ่งถือเป็นการแสดงออกถึงความรู้รักสามัคคี ถวายความดี แด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๕ ธันวามหาราช เทศบาลตำบลนากลางร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่งในเขตอำเภอนากลาง
จัดงานวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๕
ธันวามหาราช "รวมใจภักดิ์
รักในหลวง" โดยได้รับความเห็นชอบตามมติที่ประชุมหัวหน้าส่วนราชการ
ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จะจัดขึ้นในระหว่างวันที่
๓-๗ ธันวาคม ของทุกปี
บุญผะเหวด เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า
บุญมหาชาติ เป็นงานบุญที่พระสงฆ์ได้แสดงพระธรรมเทศนาเกี่ยวกับพระเวสสันดรชาดก
ซึ่งเป็นเรื่องราวที่กล่าว
ถึงพระจริยาวัตรขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า เมื่อครั้งเสวยชาติเป็นพระเวสสันดร
หรือเรียกว่า มหาเวสสันดรชาดก มีความยาวถึง ๑๓ กัณฑ์
การทำบุญผะเหวดจะมีขึ้นในเดือนสี่ ชาวบ้านจะกำหนดวันกันเอง
โดยไม่ให้ตรงกันกับหมู่บ้านใกล้เคียง ก่อนเทศน์
๑ วัน ชาวบ้านจะจัดพิธีรับผะเหวดเข้ามาสู่เมือง
ในการจัดขบวนแห่จะมีดนตรีประโคม ประกอบด้วย
ฆ้อง กลอง ผ้าผะเหวดและคนร่วมขบวน
เมื่อขบวนไปถึงบริเวณที่สมมติให้ผะเหวดอยู่ ก็จะเอาขันธ์ ๕ ใส่คายเงินไปนิมนต์
พระภิกษุที่สมมติเป็นผะเหวดจะรับนิมนต์
และแสดงธรรมเทศนาสอนพุทธบริษัทก่อนแล้ว จึงแห่ผะเหวดเข้าเมือง
ประเพณีบุญบั้งไฟ ประเพณีบุญบั้งไฟของอำเภอศรีบุญเรือง
ได้มีการจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี
ในงานจะมีการประกวดขบวนแห่ ประกวดผาแดง-นางไอ่
มีการแสดงทางด้านศิลปวัฒนธรรมต่าง ๆ การฟ้อนรำ
การแสดงหมอลำ การสาธิตวิธีการทำนา
การสู่ขวัญ ในขบวนแห่ตอนหัวขบวนจะมีรถที่แห่บั้งไฟมีการประดับประดาบั้งไฟอย่างวิจิตรตระการตา
สวยงามไม่แพ้จังหวัดใดเลยที่เดียว ต่อมาจะเป็นรถแห่ผาแดง
- นางไอ่ ซึ่งคู่ผาแดง - นางไอ่ จะมีคัดเลือกจากเด็กสาว เด็กชายที่มีหน้าตาดี
บุคลิกดีในชุมชนต่าง ๆ เข้าร่วมการประกวด มีการประดับประดารถ
ม้า ของผาแดง - นางไอ่ อย่างวิจิตรตระการตาสวยงามมาก ต่อมาจะเป็นการสาธิตประเพณี
ภูมิปัญญาท้องถิ่นต่าง ๆ แล้วแต่ว่า
ชุมชนใดจะมีความคิดสร้างสรรค์อย่างไร เป็นต้นว่า
มีการสาธิตการถอนต้นกล้า มีการสาธิตการตำข้าว
มีการสาธิตการเล่นหมอลำซิ่ง มีการสาธิตการสาวไหม
ต่อมาจะเป็นขบวนฟ้อนรำของแต่ละชุมชน
ซึ่งในแต่ละปีจะมีการแข่งขบวนฟ้อนรำว่า ขบวนฟ้อนรำของชุมชนใด
จะมีความพร้อมเพรียงสวยงามมากที่สุด พิธีการต่าง ๆ
จะเริ่มประมาณเที่ยงหรือก่อนเที่ยงไปสิ้นสุดเอาตอนเย็น
ซึ่งใช้เวลานานพอสมควรเนื่องจาก ขบวนแห่ของแต่ละชุมชน
มีความยาวมากประมาณ ๒๐๐ -๓๐๐ เมตร ซึ่งขบวนแห่
ได้สร้างความสนุกสนาน เป็นที่สนใจของชาวไทยและชาวต่างประเทศที่ได้มาเยี่ยมชมกันเป็นจำนวนมาก
ประเพณีบุญบั้งไฟเป็นการแสดงออกถึงภูมิปัญญา และความชาญฉลาดของชาวอีสานที่เน้นความรักความสามัคคี และมีการสืบทอดประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามของสังคมชาวอีสาน ซึ่งชาวอำเภอศรีบุญเรือง
ได้ร่วมกันสืบทอดและสืบสานประเพณีวัฒนธรรมอันดีงามไว้อย่างดีเพื่อให้อนุชนรุ่นหลังได้เรียนรู้และสืบทอดต่อไป
๓.ประเพณีขึ้นเขาไหว้พระ(อำเภอนาวัง)
ประเพณีขึ้นเขาไหว้พระ เมื่อเดือนธันวาคม
๒๕๓๗ กระทรวงมหาดไทย
ได้ประกาศจัดตั้งจังหวัดหนองบัวลำภูและกิ่งอำเภอนาวังก็ได้ฐานะขึ้นพร้อมกับจังหวัดหนองบัวลำภู
โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดคนแรกคือนายประภา ยุวานนท์
ได้ดำริการจัดงานสำคัญของจังหวัดขึ้น โดยมีผู้เสนอการจัดงานขึ้นเขาไหว้พระ
และได้ประชุมปรึกษาหารือว่าจะเลือกเอาที่ไหนดีในระหว่างที่มีที่เหมาะสมอยู่ ๓
แห่ง ตามคำขวัญของจังหวัด คือ (อุทยานแห่งชาติ ภูเก้า - ภูพานคำ
แผ่นดินธรรมหลวงปู่ขาว เด่นสกาวถ้ำเอราวัณ ) ที่ประชุมมีมติ
เห็นควรจัดที่ถ้ำเอราวัณ เพราะมีปัจจัยหลายอย่างที่เหมาะสม เช่นถ้ำเอราวัณ
เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงมาก่อน เส้นทางคมนาคมสะดวก
ตลอดจนมีความพร้อมในระดับท้องถิ่นด้วย
ปี ๒๕๓๘
ได้มีการจัดงานขึ้นเขาไหว้พระ ขึ้นเป็นครั้งแรก
ซึ่งได้จัดงานในช่วงสงกรานต์โดยมีนายประภา ยุวานนท์
ผู้ว่าราชกาจังหวัดหนองบัวลำภู เป็นประธานในพิธี มี นายวีระ จันทรทิพรักษ์ ปลัดอำเภอผู้เป็นหัวหน้ากิ่งอำเภอนาวัง เป็นประธานจัดงาน
รวมทั้งกำนันตำบลวังทอง นายล้วน บุญมาตร
ซึ่งเป็นกำลังสำคัญในการจัดงานครั้งนี้ด้วย โดยมีรูปแบบการจัดงาน มีการประกวดขบวนแห่นางผมหอม ของแต่ละตำบล
ประกวดนางผมหอม พิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในถ้ำเอราวัณ
ประกวดดนตรีพื้นเมือง และการจำหน่ายสินค้าพื้นเมือง
มากมาย จากนั้นมาก็ได้กำหนดจัดงานประเพณีขึ้นเขาไหว้พระขึ้นทุกปี
โดยกำหนดจัดงานระหว่างวันที่ ๑๑ - ๑๕ เมษายนของทุกปี จนถึงปัจจุบัน
๔.ประเพณีบุญข้าวจี่ยักษ์(อำเภอสุวรรณคูหา)
ประเพณีบุญข้าวจี่ยักษ์ จะเป็นบุญประเพณีเดือน
๓ ซึ่งเป็นความเชื่อตามฮีตสิบสองของชาวอีสาน
เป็นการทำบุญหลังจากที่ได้ข้าวใหม่
ชาวบ้านจะทำข้าวจี่โดยใช้ข้าวเหนียวใหม่นึ่งจนสุก
เคล้าเกลือแล้วย่างไฟจนเกรียมหอม ก่อนเอามาทาด้วยไข่ไก่ที่ตีไว้จนทั่ว
แล้วนำไปย่างต่อจนสุก การทาไข่จะทาแล้วย่างสลับไปมาสัก ๓ ครั้ง
เมื่อได้ข้าวจี่ทาไข่ที่หอมกรุ่นแล้วจะนำน้ำอ้อยมาใส่ในรูที่ถอดไม้ไผ่ออก
ก็จะได้ข้าวจี่ทาไข่ที่มีรสชาติอร่อย หอมหวาน
จากนั้นชาวบ้านจะนำข้าวจี่ไปรวมกันที่วัดแล้วถวายพระ
ก่อนที่จะนำกลับมาแจกลูกหลานที่รออยู่บ้าน การทำบุญข้าวจี่นี้ชาวบ้านจัดทำติดต่อกันมาทุกปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่วัดถ้ำสุวรรณคูหา
ทางเทศบาลตำบลสุวรรณคูหา ได้จัดทำข้าวจี่ยักษ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
โดยเน้นการมีส่วนร่วมของชุมชน และยึดถือขนบธรรมเนียมประเพณีของท้องถิ่นเป็นหลัก
จึงเป็นกิจกรรมหนึ่งที่สามารถ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น