ประเพณีจังหวัดราชสีมา ( แห่เทียนเข้าพรรษา)
งานแห่เทียนพรรษาจัดขึ้นในช่วงเดือนกรกฎาคมของทุกปี ณ บริเวณสวนเมืองทอง สวนสุรนารี สวนอนุสรณ์สถานฯ และลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี
จัดขึ้นเพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยให้คงอยู่สืบไป
และเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวของจังหวัดการจัดงาน แห่เทียนโคราช
ประจำปี 2554
“พลังศรัทธา แห่เทียนโคราช” ว่าเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของชาวจังหวัดนครราชสีมา
ได้สร้างงานบุญที่ยิ่งใหญ่เป็นปีที่ 4 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่
15-17 กรกฏาคม 2554 ณ
บริเวณสวนเมืองทอง สวนสุรนารี สวนอนุสรณ์สถานฯ และลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สำหรับการประกวดต้นเทียนพรรษา
ได้รับพระมหากรุณาธิคุณสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี
ทรงพระราชทานถ้วยรางวัลแก่ผู้ชนะเลิศเป็นประจำทุกปี นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ
ร่วมชมความงดงามอลังการของต้นเทียนพรรษา ซึ่งแต่ละต้นล้วนเกิดจากความเพียรพยายามของช่างเทียนที่มีความชำนาญ
สร้างและแกะสลักต้นเทียนอันวิจิตรงดงาม
กล่าวได้ว่าฝีมือของช่างเทียนโคราชนั้นไม่แพ้ใคร
โดยในปีนี้ได้มีการประกวดต้นเทียนพรรษาประเภทต่างๆ แบ่งออกเป็น 3 ประเภท คือ ประเภท ก. ประเภท ข. ประเภท ค.
พร้อมชมขบวนแห่ทางวัฒนธรรมที่แต่ละอำเภอจัดมาอวดโฉมอย่างยิ่งใหญ่ เป็นระยะทางกว่า 7
กม. ภายในงานยังมีการแสดง
แสง สี เสียง ประกอบรถเทียนพรรษา ในชื่อชุด ชาติ ศาสน์ กษัตริย์
ร้อยรักดวงใจไทยทั้งแผ่นดิน ด้วยระบบภาพ 3D Video Mapping สมจริงพรน้อมการแสดงพลุประกอบดนตรี
1,984 ลูก ในชื่อชุด เทิดไท้องค์ภูมินทร์
ซึ่งเป็นการแสดงที่หาชมได้ยาก นอกจากงานแห่เทียนโคราช ซึ่งเป็นจังหวัดแรก
และจังหวัดเดียวในประเทศไทยที่จัดการแสดง รวมไปถึงยังมีการแสดงดนตรีไทยประยุกต์ Concert
Thai Contemporary กับนักดนตรีกว่า 400 ชีวิต
และ พิเศษสุดทางเทศบาลฯขอเชิญชวนนักท่องเที่ยวร่วมถวายความจงรักภักดีพระบรมรูปหล่อจำลองเทียนเทิดพระเกียรติพระมหากษัตรทั้ง
9 รัชการ ซึ่งเป็นงานศิลป์อันวิจิตรบรรจงจากการแกะสลัก
และจัดทำเป็นครั้งแรกของจังหวัดนครราชสีมาพร้อมกับเชิญชวนพุทธศาสนิกชนทุกท่าน
กราบไหว้บูชาสักการะพระบรมสารีริกธาตุ และรูปหล่อพระเกจิอาจารย์ชื่อดังทั้ง 9
วัด ของจังหวัดนครราชสีมา และทำบุญเสริมบารมี สร้างพลังแห่งชีวิต
ด้วยการเติมน้ำมันตะเกียง ทำบุญถวายสังฆทาน ทำบุญถวายเทียนจารึก
ทำบุญหล่อเทียนพระพุทธรูปประจำวันเกิดเพื่อนำไปเป็นพุทธบูชา
รวมไปถึงการทำบุญสร้างพลังแห่งศรัทธากับการทำบุญตักบาตรหลอดไฟ 1 เดียวในโลก และร่วมนั่งสมาธิวิปัสสนา
เพื่อจิตใจอันผ่องแผ้วพร้อมการเสวนาธรรมจากพระวิทยากร
รวมถึงพิธีเวียนเทียนรอบพระบรมสารีริกธาตุ เพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิตวันฉลองแห่งชัยชนะท้าวสุรนารีงานฉลองวันแห่งชัยชนะท้าวสุรนารี หรือ “งานย่าโม” เป็นงานประจำปีของจังหวัดนครราชสีมา กำหนดจัดระหว่างวันที่
23 มีนาคม- 3 เมษายนของทุกปี
ซึ่งถือเป็นวันที่คุณหญิงโมได้รับชัยชนะจากข้าศึก
ในงานมีการแสดงศิลปวัฒนธรรมและมีกิจกรรมที่จัดขึ้นเพื่อเป็นการสักการะ
การเคารพซึ่งวีรกรรมของคุณหญิงโม ทั้งนี้รูปแบบการจัดงานที่น่าสนใจมีมากมาย
อาทิ ขบวนสักการะ และขบวนรำบวงสรวงคุณย่าโม การวิ่งคบไฟและจุดพลุ ในวันเปิดงาน การแสดงศิลปวัฒนธรรมของดีเมืองโคราช ย้อนยุคการจัดนิทรรศการ การออกร้านของส่วนราชการ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ สถานศึกษา และองค์กรเอกชนการแสดงและจำหน่ายสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารพื้นเมือง การแสดงดนตรี คอนเสิร์ต ลูกทุ่งสตริง 12 วัน 12 คืน การแข่งขันกีฬาฟุตบอล บาสเกตบอล เซปักตระกร้อ ฯลฯ การประกวดนางสาวนครราชสีมา ประกวดร้องเพลง ประกวดสุขภาพเด็ก ประกวดวาดภาพโดยเด็กและเยาวชน ประกวดผลผลิตทางการเกษตร ชมการฉายภาพยนตร์บนกำแพง ชมฟรีตลอด 12 วัน 12 คืน จังหวัดนครราชสีมาเป็นประตูสู่ภาคอีสานที่มีอาณาเขตใหญ่ที่สุดในประเทศไทย หลากกิจกรรมทางการท่องเที่ยวสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความพร้อมในทุกๆด้าน เส้นทางการท่องเที่ยวที่สามารถเชื่อมโยงไปสู่พื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศอย่างง่ายดาย ดินแดนแห่งที่สุดของอารยธรรมโบราณ ที่สุดแห่งความเป็นธรรมชาติมรดกโลก ที่สุดแห่งความเป็นวัฒนธรรมอนุรักษ์และที่สุดของดินแดนแห่งการเรียนรู้ งานประเพณีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดงานหนึ่งของจังหวัดนครราชสีมา งานฉลองวันแห่งชัยชนะของท้าวสุรนารี ทุกภาคส่วนจะเนรมิตความเป็นจังหวัดนครราชสีมานำไปสู่ทุกสายตาภายในงาน ความสวยงามอันเป็นสีสันอันจะสร้างมิติแห่งการรับรู้ได้อย่างชัดเจน “เชิดชูวีรสตรีผู้กล้า เมืองอารยธรรมยุคหิน ถิ่นวัฒนธรรมขอม ส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมพื้นถิ่น ศิลปินพื้นบ้าน สืบสานการพัฒนา สู่ความยั่งยืน” สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจังหวัดนครราชสีมา หรือ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา หรือ เทศบาลนครนครราชสีมา ท้าวสุรนารี หรือ ย่าโม (พ.ศ. 2314-พ.ศ. 2395) บุคคลในประวัติศาสตร์ไทย ในฐานะวีรสตรีผู้กอบกู้เมืองนครราชสีมา จากกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ แห่งเวียงจันทน์ เมื่อปี พ.ศ. 2369 ประวัติท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารี มีนามเดิมว่า “โม” (แปลว่า ใหญ่) หรือ “โม้” (ภาษาไทยสำเนียงโคราช) เป็นชาวเมืองนครราชสีมาโดยกำเนิด เกิดเมื่อปีเถาะ พ.ศ. 2314 ในแผ่นดิน พระเจ้าตากสินมหาราช สมัยกรุงธนบุรี มีนิวาสถานอยู่ ณ บ้านตรงกับข้ามกับวัดพระนารายณ์มหาราช (วัดกลางนคร) ทางทิศใต้ของเมืองนครราชสีมา นางสาวโม เป็นธิดาของ นายกิ่ม และ นางบุญมา (ในสมัยนั้นยังไม่มีนามสกุล) มีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ แป้น ไม่มีสามี จึงอยู่ด้วยกันจนวายชนม์ มีน้องชายหนึ่งคน ไม่ปรากฏชื่อ (ภายหลัง ได้เป็น เจ้าเมืองพนมซร๊อก ต่อมามีการอพยพชาวเมืองพนมซร๊อก มาอยู่ ริมคูเมืองนครราชสีมาด้านใต้ จึงเอาชื่อเมือง พนมซร๊อก มาตั้งชื่อ บ้านพนมศรก ต่อมาเรียกเพี้ยนเป็น บ้านสก อยู่หลังสถานีรถไฟชุมทางถนนจิระ จนทุกวันนี้) เมื่อปี พ.ศ. 2339 นางสาวโม เมื่ออายุได้ 25 ปี ได้แต่งงานสมรสกับนายทองคำ พนักงานกรมการเมืองนครราชสีมา ต่อมานายทองคำ ได้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น “พระภักดีสุริยเดช” ตำแหน่งรองปลัดเมืองนครราชสีมา นางโม จึงได้เป็น คุณนายโม และต่อมา “พระภักดีสุริยเดช” ได้เลื่อนเป็น “พระยาสุริยเดช” ตำแหน่งปลัดเมืองนครราชสีมา คุณนายโมจึงได้เป็น คุณหญิงโม ชาวเมืองนครราชสีมาเรียกท่านทั้งสองเป็นสามัญว่า “คุณหญิงโม” และ “พระยาปลัดทองคำ” ท่านเป็นหมันไม่มีทายาทสืบสายโลหิต ชาวเมืองนครราชสีมาทั้งหลายจึงพากันเรียกแทนตัวคุณหญิงโมว่า แม่ มีผู้มาฝากตัวเป็นลูก-หลานกับคุณหญิงโมอยู่มาก ซึ่งเป็นกำลัง และอำนาจส่งเสริมคุณหญิงโมให้ทำการ ใดๆ ได้สำเร็จเสมอ หนึ่งในลูกหลานคนสำคัญ ที่มีส่วนร่วมกับคุณหญิงโม เข้ากอบกู้เมืองนครราชสีมาจากกองทัพเจ้าอนุวงศ์ เวียงจันทน์ ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ คือ นางสาวบุญเหลือ
ท้าวสุรนารี เป็นคนมีสติปัญญาหลักแหลม เล่นหมากรุกเก่ง มีความชำนาญในการขี่ช้าง ขี่ม้า มีม้าตัวโปรดสีดำ และมักจะพาลูกหลาน ไปทำบุญที่วัดสระแก้วเป็นประจำเสมอ ท้าวสุรนารี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อเดือน เมษายน พ.ศ. 2395 ( เดือน 5 ปีชวด จัตวาศก จศ. 1214 ) สิริรวมอายุได้ 81 ปีวีรกรรมของท้าวสุรนารี และบำเหน็จความชอบ วีรกรรมของคุณหญิงโมนั้นเป็นที่คนไทยรุ่นหลังทราบดีว่า เมื่อพุทธศักราช 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ เป็นกบฏต่อกรุงเทพมหานคร ยกกองทัพเข้ามายึดเมืองนครราชสีมาได้ แล้วกวาดต้อนครอบครัวชาวนครราชสีมาปืเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ คุณหญิงโม และนางสาวบุญเหลือ ได้รวบรวมครอบครัวชาย หญิงชาวนครราชสีมาที่ถูกกวาดต้อนไปเป็นเชลย เข้าต่อสู้ฆ่าฟันทหารลาวล้มตายเป็นอันมาก ณ ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงเมืองนครราชสีมา เมื่อวันที่ 4 มีนาคม พุทธศักราช 2369 ช่วยให้ฝ่ายไทยสามารถกอบกู้เมืองนครราชสีมากลับคืนมาได้ในที่สุดเมื่อความทราบไปถึง พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโม ขึ้นเป็น ท้าวสุรนารี เมื่อ วันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 เมื่อคุณหญิงโมมีอายุได้ 57 ปี พร้อมกับพระราชทานพระราชทานเครื่องยศ มีต่อนี้เครื่องยศพระราชทานแก่ท้าวสุรนารีถาดทองคำใส่เครื่องเชี่ยนหมาก 1 ใบ จอกหมากทองคำ 1 คู่ ตลับทองคำ 3 ใบเถา เต้าปูนทองคำ 1 ใบ คนโทและขันน้ำทองคำอย่างละ 1 ใบ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น