ประเพณีจังหวัดบุรีรัมย์
( ขึ้นเขาพนมรุ้ง )
การขึ้นเขาพนมรุ้ง
จัดเป็นประเพณีเก่าแก่ประจำท้องถิ่นของชาวบ้านที่อยู่ใกล้เคียงกับเขาพนมรุ้ง
ถือปฏิบัติว่าในวันเพ็ญเดือน 5 ของทุกปี ต้องขึ้นไปทำบุญตักบาตรปิดทองนมัสการรอยพระพุทธบาท
เนื่องในเทศกาลสงกรานต์ที่ปราสาทหินพนมรุ้ง ถือเป็นโบราณสถานสำคัญของจังหวัด ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นปราสาทหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่บนเขา
(พนม คือ ภูเขา รุ้ง คือ กว้างใหญ่ รวมความแล้วเป็น “ภูเขาใหญ่”)
ปราสาทหินเขาพนมรุ้งเป็นศาสนสถานขนาดใหญ่
สร้างขึ้นเนื่องในศาสนาพราหมณ์ ลัทธิไศวนิกาย ตั้งอยู่บนภูเขาสูงจากระดับน้ำทะเล
360 เมตร
ผู้สร้างปราสาทหลังนี้ตามจารึกกล่าวถึงพระราชาองค์หนึ่งนามว่า “หิรัญยะ” สร้างอุทิศให้แก่พระบิดานักพรต นาม “นเรนทราทิตย์” ตรงกับสมัยของพระเจ้าสุริยวรมันที่ 2
ตามจารึกที่พบ ณ ปราสาทหินพนมรุ้งนั้นว่า มีการสร้างระบุมหาศักราช
1000-1100(พ.ศ.1621-1721)ซึ่งร่วมสมัยกับการสร้างปราสาทหินพิมายและปราสาทพนมวัน
(พ.ศ.1623-1650)
จังหวัดนครราชสีมา ตามเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ กล่าวว่า
ในสมัยที่อาณาจักร
ขอมมีศูนย์กลางอำนาจอยู่ที่เมืองยโสธรปุระ
และมีเมืองหนึ่งที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ในภาคอีสาน มีชื่อว่า เมืองมหิธรปุระ
ทั้งสองเมืองต่างมีราชวงศ์ปกครองเมืองควบคู่กันเรื่อยมา
ทางเมืองยโสธรปุระมีชื่อเรียกราชวงศ์ว่า อาทิตยวงศ์ ส่วนทางเมืองมหิธรปุระมีชื่อเรียกว่า
จันทรวงศ์ ราชวงศ์ทั้งสองเกี่ยวดองเป็นเครือญาติกัน
การสืบสันตติวงศ์มีการเกี่ยวพันกัน บางครั้งมีการต่อสู้กันบ้าง เมื่อพระเจ้าสุริยวรมันเสด็จปราบดาภิเษกขึ้นครองราชย์ในช่วงระหวางการรบพุ่งกัน
และได้สำเร็จโทษพระปิตุลาตาย ส่วนนางภูปตินทรลักษมีเทวี ชายาของพระปิตุลา
และบุตรชาย คือ นเรนทราทิตย์ได้รับการไว้ชีวิต แต่กระนั้นเพื่อความปลอดภัย
นเรนทราทิตย์ ผู้ซึ่งได้รับการจารึกคุณสมบัติไว้ว่า
เป็นชายรูปงามเสด็จไปทางไหนก็จะมีสาวๆ เดินตาม
และมีความสามารถยิงธนูได้โดยที่ไม่ต้องเล็ง มีความกล้าหาญโดยเสด็จออกไปล่าช้างป่า
แล้วตัดหัวโยนทิ้งน้ำจนกลายเป็นทะเลเลือด
ต้องเสด็จหนีราชภัยสละเพศพรหมจรรย์ไปบำเพ็ญภาวนา
บวชเป็นฤาษีอยู่ในถ้ำบนภูเขาใหญ่ และสร้างปราสาทหินเขาพนมรุ้งขึ้น
การวางผังการก่อสร้างถือเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 การก่อสร้างใช้วิธีเล็งแนวจากดวงอาทิตย์ให้ตรงกับประตูทั้ง 15 ช่อง มีหลักฐานเป็นรอยบากไว้ให้เป็นเส้นตรงยาว และกากบาทขนาดเล็ก เมื่อกาลเวลาผ่านไป พระนางภูปตินทรลักษมีเทวี ทรงรำลึกถึงบุตรชาย คือ นเรนทราทิตย์และหลานหิรัญยะ จึงเสด็จออกจากนครยโสธรปุระมุ่งหน้าสู่เขาพนมรุ้ง โดยมีนางจริยา นางสนองพระโอษฐ์และเหล่าสวรรค์กำนัลในตามเสด็จ พร้อมกับมีจิตศรัทธาให้จัดสร้างรูปเทพพาหนะทั้ง 10 ทิศ เพื่อเป็นเทวะสักการะแด่เทพทั่วไปในจักรวาล พร้อมกันนั้น พระนางภูปตินทรลักษมีเทวี ยังให้จัดเตรียมโค 10 ตัว แพะ 100 ตัว ถวายแด่นเรนทราทิตย์มหาฤาษี จากเหตุการณ์นี้ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ จึงได้ร่วมจัด วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จุดเด่นของงานในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 นั้น เป็นวันที่สามารถมองเห็นดวงอาทิตย์ขึ้นผ่านทั้ง 15 ประตูเป็นแนวเดียวกันซึ่งหนึ่งปีมีวันนี้วันเดียวเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วยังจัดจำลองขบวนเสด็จของพระนางภูปตินทรลักษมีเทวี พร้อมด้วยนางจริยา นางสนองพระโอษฐ์ และขบวนสัตว์พาหนะทั้ง 10 ได้แก่ หงส์ ช้าง วัว แรก คชสีห์ นกยูง นาค ม้า รากษส กระบือ โดยขบวนต่างๆ จะจัดไปตามลำดับใช้ผู้ร่วมขบวนเกือบ 1,000 คน การแต่งกายแต่ง
ประเพณีมหกรรมว่าวอีสานบุรีรัมย์
จัดขึ้นช่วง: วันเสาร์-อาทิตย์แรกของเดือน
ธันวาคมช่วงฤดูเก็บเกี่ยวหรือย่างเข้าสู่ฤดูหนาว
มีลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดแรง คนชนบทก็พากันทำว่าวแอก
ซึ่งมีรูปแบบเป็นเอกลักษณ์ของท้องถิ่น เล่นกันทุกหมู่บ้าน
เป็นประเพณีการละเล่นของท้องถิ่นของชาวอีสานนานมาแล้ว
บุรีรัมย์จัดมหกรรมว่าวอีสานขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. 2529 เพื่ออนุรักษ์เอกลักษณ์ของอีสานใต้ให้คงอยู่และเผยแพร่ให้เป็นทรู้จักกว้างขวาง
เปิดโอกาสให้คนทุกตำบล ทุกหมู่บ้านทำว่าวแอกมาแข่งขันชิงรางวัลกัน
ว่าวที่นำมาเข้าแข่งขันต้องมีขนาดปีกกว้าง 2 เมตร
ครึ่งขึ้นไป ตัดสินกันที่ความสวยงาม เสียงแอกและลีลาของว่าวบนท้องฟ้า นอกจากนี้
มีการประกวดขบวนแห่ว่าวที่ยิ่งใหญ่สวยงาม ตอนค่ำมีมหรสพ
การละเล่นและการแสดงสินค้าพื้นบ้าน งานมหกรรมว่าวอีสานจัดขึ้นที่สนามกีฬาจัง
หวัดอำเภอห้วยราชในวัน เสาร์-อาทิตย์แรกของเดือนธันวาคมของทุกปี
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น